5 ขั้นตอนการติดตั้งระบบชาร์จรถไฟฟ้า EV Charger
สำหรับผู้ที่จะซื้อรถไฟฟ้า EV มาใช้งาน จำเป็นต้องเข้าใจระบบไฟฟ้าภายในบ้านก่อนติดตั้ง เพื่อความปลอดภัยและป้องกันปัญหาที่ตามมา
1. ขนาดมิเตอร์ไฟฟ้า
โดยปกติขนาดมิเตอร์ของบ้านพักอาศัยทั่วไปจะใช้เป็น 15(45) 1 เฟส(1P) หมายถึงมิเตอร์ ขนาด 15 แอมป์(A) และสามารถใช้ไฟได้มากถึง 45(A) สำหรับคนที่ต้องการชาร์จรถไฟฟ้าในบ้าน การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) แนะนำให้เปลี่ยนขนาดมิเตอร์เป็น 30(100) ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ป้องกันการใช้ไฟฟ้าที่มากเกินไป
2. สายเมน และลูกเซอร์กิต (MCB)
สำหรับสายเมนของเดิมใช้ขนาด 16 ตร.มม. ต้องปรับให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 25 ตร.มม. และเปลี่ยนลูกเซอร์กิต (MCB) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ป้องกันร่วมกับตู้ MDB ที่เดิมรองรับได้สูงสุด 45(A) เปลี่ยนเป็น 100(A) เพื่อให้ขนาดมิเตอร์ ขนาดสายเมน และขนาดลูกเซอร์กิต (MCB) มีความสอดคล้องกัน
3. ตู้ควบคุมไฟฟ้า (MDB)
ตรวจสอบภายในตู้ว่ามีช่องว่างสำรองเพื่อติดตั้ง Circuit Breaker อีก 1 ช่องหรือไม่ เพราะการชาร์จไฟของรถไฟฟ้า EV จะต้องมีส่วนตัว และแยกใช้งานกับเครื่องไฟฟ้าอื่น ๆ หรือถ้าหากภายในตู้หลักไม่มีช่องว่าง ต้องเพิ่มตู้ควบคุมย่อยอีก 1 จุด
4. เครื่องตัดไฟรั่ว (RCD)
เครื่องตัดไฟฟ้าอัตโนมัติที่จะตัดวงจรไฟฟ้า เมื่อกระแสไฟฟ้าไหลผ่านเข้าออกมีค่าไม่เท่ากัน ซึ่งอาจจะส่งผลให้ไฟฟ้าลัดวงจร และเกิดเพลิงไหม้ได้ในอนาคต กรณีที่สายชาร์จไฟฟ้ามีระบบตัดไฟภายในตัวอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องติดตั้งเพิ่ม
5. เต้ารับ (EV Socket)
สำหรับการเสียบชาร์จรถไฟฟ้าจะเป็นชนิด 3 รู (มีสายต่อหลักดิน) ต้องทนกระแสไฟฟ้าได้ต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 16(A) โดยรูปทรงอาจจะปรับตามรูปแบบปลั๊กของรถไฟฟ้า EV แต่ละรุ่น
รถไฟฟ้า EV ชาร์จไฟบ้านอย่างไร
วิธีการชาร์จรถไฟฟ้า EV ที่บ้าน แบ่งได้เป็น 3 แบบ ดังนี้
1. ชาร์จแบบธรรมดา (Normal Charge)
วิธีนี้เป็นการชาร์จไฟฟ้าจากตัวเต้ารับโดยตรง โดยขนาดมิเตอร์ขั้นต่ำที่แนะนำคือ 30(100)A และเต้ารับต้องติดตั้งใหม่เฉพาะการชาร์จรถไฟฟ้าเท่านั้น โดยเป็นการใช้ไฟบ้านที่เป็นกระแสสลับ (AC) ที่ใช้ระยะเวลาในการชาร์จประมาณ 12-16 ชม.
2. ชาร์จแบบรวดเร็ว (Double Speed Charge)
วิธีนี้เป็นการชาร์จไฟฟ้าจากเครื่องชาร์จ EV Charger เป็นตู้ชาร์จไฟฟ้ากระแสสลับ (AC Charging) ที่ช่วยให้ชาร์จพลังงานไฟฟ้าในแบตเตอรี่รถไฟฟ้า EV ให้เต็มเร็วยิ่งขึ้น โดยเหลือเวลาชาร์จประมาณ 6-8 ชม.
3. ชาร์จแบบด่วน (Quick Charge)
วิธีนี้เป็นการชาร์จไฟฟ้ากระแสตรง (DC Charging) ตรงเข้าแบตเตอรี่โดยตรง ซึ่งสามารถชาร์จแบตเตอรี่รถไฟฟ้า EV จาก 0-80% ได้ภายในเวลา 40-60 นาที นิยมใช้ตามสถานีบริการนอกบ้าน ที่ต้องการความรวดเร็วในการชาร์จ แต่ก็มีข้อเสียคือทำให้ตัวแบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วขึ้น ได้แก่ CHAdeMo, GB/T และ CCS เป็นต้น
เลือกจุดติดตั้งเครื่องชาร์จรถไฟฟ้า EV ในบ้าน
– ระยะทางไม่เกิน 5 เมตร จากตัวเครื่องชาร์จจนถึงจุดที่เสียบชาร์จกับตัวรถ ไม่ควรวางห่างกันเกิน 5 เมตร เนื่องจากสายเครื่องชาร์จ EV Charger โดยทั่วไปอยู่ที่ 5-7 เมตรเท่านั้น
– วางใกล้ตู้ MDB การเลือกจุดชาร์จใกล้ตู้เมนไฟฟ้าในบ้าน ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินสายไฟที่มีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น
– มีหลังคาปกคลุม โดยจุดชาร์จรถไฟฟ้า EV ควรอยู่ใต้หลังคา เพื่อป้องกันละอองฝน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับมาตรฐานการกันน้ำของเครื่อง EV Charger นั้น ๆ
– สำหรับลูกค้าที่พักอาศัยอยู่ในคอนโด ให้ติดต่อกับทางเจ้าหน้าที่นิติบุคคล เพื่อขออนุญาตให้เรียบร้อย ทั้งนี้คอนโดโดยส่วนใหญ่จะมีระยะแนวเดินสายไฟที่ไกลกว่าบ้าน จึงอาจมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า
ปัจจุบันการใช้รถไฟฟ้า EV มีความสะดวกมากขึ้น เพราะนอกจากจะสามารถชาร์จไฟที่บ้านแล้ว ยังมีจุดบริการชาร์จไฟรถไฟฟ้า EV โดยสามารถดาวน์โหลด แอปพลิเคชัน MEA EV เพื่อค้นหาสถานีชาร์จรถไฟฟ้า EV ของการไฟฟ้านครหลวง (MEA) บริษัท EA Anywhere (EA) และสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) หรือแอปพลิเคชัน EV Station ของปตท.
ที่มา : ddpropperty.com